“ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น” กับดักของผู้นำ
ที่ทำให้องค์กรล้าหลังในการแข่งขัน
ทำไมบางคนเป็นถึงผู้นำ แต่กลับทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น?
ผมอยากตั้งคำถามนี้ให้ทุกคนลองคิดและลองมาหาคำตอบพร้อมกัน เพราะในโลกการทำงาน เราจะเห็นกันได้ว่า “การทำงานร่วมกัน” ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญต่อการเติบโตขององค์กรในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นนี้
ทักษะนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้ในเวลาที่น้อยลง หากคนในองค์กรไม่มีทักษะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้นำ” ก็อาจทำให้องค์กรก้าวช้าและล้าหลังในการแข่งขันแห่งศตวรรษที่ 21 นี้ได้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมไปเจอบทความ When Leaders Struggle with Collaboration: ของ Harvard Business Review ซึ่งในบทความนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจ โดยเขาชี้ให้เห็นว่า สาเหตุหลัก ๆ ของความล้มเหลวในการทำงานร่วมกันมีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง คือ การทำงานแบบไซโล (67%) ผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกัน (32%) และผู้จัดการระดับสูงไม่อยากเสียการควบคุม (32%)
จะเห็นว่า “ผู้นำ” ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดความล้มเหลวในการทำงานร่วมกันเลยทีเดียว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า อะไรเป็นกับดักที่ทำให้ผู้นำบางคนไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้
1. มีการแข่งขันสูงและกลัวโดนคนอื่นบดบัง
อย่างแรกคือ บางคนชอบเอาชนะและคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด จนทำให้กังวลใจเมื่อต้องแชร์ความสนใจของตัวเองกับผู้อื่น แต่ผู้นำจะต้องตระหนักว่าหากอยากพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จให้ได้ จะต้องมีการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่ทำงานด้วยตัวคนเดียวแล้วจะขึ้นไปสู่ความสำเร็จขั้นต่อไปได้
2. มีลำดับขั้นในการทำงานสูง
ผมคิดว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความล้มเหลวในการทำงานร่วมกันคือ การทำงานแบบแยกส่วนกัน ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง หรือในบางทีอาจจะอยู่ในบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลำดับขั้นและการเคารพต่อผู้มีอำนาจ จนในบางครั้งทำให้ทำงานล่าช้าและเกิดปัญหาเรื่องทีมเวิร์ก ดังนั้น หากอยากส่งเสริมการทำงานร่วมกันในองค์กร ผู้นำควรใช้คำสั่งให้น้อยลง และพูดคุยกับคนอื่นให้มากขึ้น
3. ให้ความสำคัญกับ “ผลลัพธ์” มากกว่า “ความสัมพันธ์”
โดยปกติแล้วเราต่างก็ชอบสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพื่อที่จะได้พึ่งพาอาศัยกันและกัน แต่หากมองทางฝั่งของคนที่ประสบความสำเร็จสูงแล้ว บางคนเขาจะระมัดระวังตัวในการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะเขาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในการทำงานมากกว่าความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ซึ่งในบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกันได้ เช่น ขาดความไว้วางใจในการทำงาน หรือขาดความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น
หากใครมีแนวโน้มเป็นเช่นนี้ ผมแนะนำว่าให้ใช้เวลาในการทบทวนความสัมพันธ์ทั้งในชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัวว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพื่อทำความเข้าใจตัวเองและจัดการความสัมพันธ์ในชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
4. กลัวคนอื่นทำได้ไม่ดีพอ
เราคงเคยรู้จักคำว่า “Perfectionist” กันมา ก็จะรู้ว่าคนประเภทนี้มีความใส่ใจในรายละเอียดสูงนะครับ ลองนึกภาพตามว่า ถ้าคนเหล่านี้เคยมอบหมายงานให้คนอื่นทำ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ จะเป็นอย่างไร? แน่นอนว่าคนเหล่านี้จะระมัดระวังเป็นพิเศษในการทำงานครั้งต่อ ๆ ไป เพราะกลัวความไม่แน่นอนและต้องการใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงให้ได้มากที่สุด
แม้การระมัดระวังตัวจะเป็นเรื่องดี เพราะอยากให้งานออกมาดีที่สุด แต่หากมากเกินไปก็อาจทำให้เข้าไปควบคุมเพื่อนร่วมงานจนเกินพอดี หรือบางทีอาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการทำลายความไว้ใจในทีมลงอีกด้วย
5. ไม่รู้วิธีการทำงานร่วมกับคนอื่น
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ต้องทำงานร่วมกับคนอื่นมามากมาย ผมคิดว่าอีกสาเหตุที่ทำให้ผู้นำบางคนไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้ มาจากการที่ไม่เคยเรียนรู้ทักษะนี้อย่างจริงจังมาก่อน เพราะ “การทำงานร่วมกัน” ดูเหมือนจะเป็นทักษะธรรมดาทั่วไป แต่ก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่การฟังอย่างตั้งใจ การจัดการความขัดแย้ง การแก้ไขปัญหาร่วมกัน การควบคุมตนเอง ความอ่อนน้อมถ่อมตน ไปจนถึงการวางแนวทางการทำงานที่คำนึงถึงคนอื่น
ผมแนะนำว่าให้ลองจัดทำลิสต์พฤติกรรมดูว่า ตอนนี้เรากำลังขาดทักษะใดในการทำงานร่วมกันอยู่บ้าง เพื่อกำหนดขอบเขตของการพัฒนาตัวเองให้แคบลง ไปพร้อม ๆ กับจัดลำดับความสำคัญของการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น
ทีนี้เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างสบายใจ หลังจากนี้ไปดูกันต่อว่า มีขั้นตอนใดบ้างที่จะทำให้ผู้นำสามารถพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ รวมถึงเรียกความไว้วางใจที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้
ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ให้เป็นผู้นำที่ดีขึ้น
ผมเชื่อว่าพฤติกรรมของเราเป็นภาพสะท้อนให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนอย่างไร ซึ่งเราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ ดังนั้น หากอยากทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเราสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี ก่อนอื่นเราจะต้องนำกรอบความคิดของ “Collaborator” มาปรับใช้ ดังนี้
1. เปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลงและความคิดเห็นใหม่ๆ
การที่เราเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ จะสะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่และความเข้าอกเข้าใจต่อผู้อื่น แล้วเราจะเปิดกว้างต่อสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร? แนะนำว่าให้ลองพูดคุยและถามคำถามกับคนอื่นบ่อย ๆ เพื่อท้าทายมุมมองความคิดของตัวเอง และแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราก็มีความสนใจในความคิดของพวกเขาเหมือนกัน
2. ให้คุณค่ากับคนอื่น ๆ อย่างเท่าเทียมกัน
อยากให้ทุกคนลองพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่ถนัด และพยายามลองทำอะไรให้เหมือนกับคนอื่น ๆ ดู เพื่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เช่น การเข้าร่วมทีมอื่น ๆ หรือการลองทำงานอดิเรกที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยในขณะที่ทำสิ่งเหล่านี้ให้จดบันทึกว่าอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกสนุก และอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกไม่สบายใจ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงการอยู่ในจุดเดียวกันกับคนอื่น
3. เป็นคนที่พึ่งพาได้
อย่างที่กล่าวไปว่า เราต่างก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายของตัวเอง จึงอยากให้ทุกคนลองคิดตามว่า เราต้องพึ่งพาใครและใครต้องพึ่งพาเรา หลังจากนั้นให้ใช้เวลาอยู่กับคนเหล่านี้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน นอกจากนี้ เรายังต้องตอบตัวเองให้ได้ด้วยว่า อะไรเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้เราเปิดใจได้มากขึ้น เพราะการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจจะทำให้ทำงานร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
นำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้กับชีวิตจริง
หากต้องการให้คนในทีมเห็นว่าเราเป็นผู้นำที่สามารถทำงานเป็นทีมได้จริง ๆ ให้ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อทำให้คนในทีมเปิดใจและกลับมาเชื่อมั่นอีกครั้ง
1. มองหาช่องทางและโอกาสในการเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น
บางครั้งผู้นำหลายคนอาจมัวแต่ทำงานจนลืมนึกถึงคนอื่นไป ผมอยากให้ลองมองหาโอกาสที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนดูครับ เช่น ยื่นมือเข้าไปช่วยสนับสนุนงานของคนในทีม หรือแชร์แนวคิด ประสบการณ์ และทรัพยากรให้กับเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้นให้ลองสังเกตดูว่าผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเรามีปฏิกิริยาอย่างไร
หากนี่เป็นการยื่นมือเข้าไปช่วยครั้งแรก อย่าเพิ่งตกใจนะครับหากคนคนนั้นจะรู้สึกงุนงงหรือระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาอาจจะยังไม่ชินกับ “เราคนใหม่” ดังนั้นจงอดทนและให้เวลากับสิ่งนี้ไปสักพัก
2. ให้โอกาสคนในทีมได้เฉิดฉายบ้าง
เมื่อทำงานได้ดีแล้วมีคนมายกย่องชื่นชม ผมว่าการฉายสปอตไลต์นี้ไปให้คนในทีมด้วยก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน เช่น การบอกกับทุกคนในที่สาธารณะว่างานนี้จะไม่สำเร็จได้ถ้าไม่มีคนในทีม เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจให้กับคนอื่น ๆ ด้วย
3. หัดขอคำแนะนำจากผู้อื่นให้เป็น
อีกวิธีหนึ่งที่คิดว่าจะช่วยให้คนอื่นเห็นว่าเราทำงานเป็นทีมจริง ๆ คือ การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่า แม้เราจะเป็นผู้นำ แต่ก็ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและยังต้องการให้คนอื่นมาช่วยเติมเต็มความรู้ในการทำงานอยู่
“การขอคำแนะนำ” เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับคนในทีม เพราะหากคนอื่น ๆ รู้สึกว่าผู้นำต้องการพวกเขาจริง ๆ ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะกล้าเข้ามาขอความช่วยเหลือและขอการสนับสนุนจากผู้นำมากขึ้น
อย่างที่บอกไปทั้งหมดนะครับ จะเห็นได้ว่าการเป็นผู้นำที่ดีสามารถเริ่มได้ด้วยการเสริมสร้าง “การทำงานร่วมกัน” แม้ว่าผู้นำบางคนอาจจะรู้สึกว่าการทำงานร่วมกับคนอื่นเป็นเรื่องยาก แต่จงอย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ให้เรียนรู้และพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ แทน
ผมเชื่อว่า ผู้นำคนไหนที่เปิดกว้าง อ่อนน้อมถ่อมตน และเห็นคุณค่าในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากกว่า ผู้นำคนนั้นย่อมพาองค์กรไปได้ไกลกว่าแน่นอนครับ
ที่มา:Marketeer :รวิศ หาญอุตสาหะ
อ้างอิง
– When Leaders Struggle with Collaboration: Ron Carucci & Luis Velasquez, Harvard Business Review – https://bit.ly/3BeHaxE
Right here is the perfect webpage for everyone who would like to understand this topic. You realize a whole lot its almost tough to argue with you (not that I actually would want toÖHaHa). You definitely put a new spin on a topic that has been written about for many years. Great stuff, just wonderful!
Everything is very open with a clear description of the issues. It was truly informative. Your website is extremely helpful. Thank you for sharing!
Right here is the right webpage for everyone who hopes to understand this topic. You know a whole lot its almost hard to argue with you (not that I personally would want toÖHaHa). You certainly put a fresh spin on a subject that has been discussed for a long time. Wonderful stuff, just great!
Greetings! Very useful advice in this particular post! It is the little changes that will make the most significant changes. Thanks for sharing!
Hi there! I just would like to give you a big thumbs up for the excellent info youve got here on this post. I am returning to your web site for more soon.
Many thanks and welcome all.
I must thank you for the efforts you have put in writing this website. I am hoping to check out the same high-grade blog posts by you later on as well. In fact, your creative writing abilities has inspired me to get my own website now 😉
Hi there! I just would like to offer you a huge thumbs up for the excellent info you have right here on this post. I will be returning to your site for more soon.